"สงวนลิขสิทธิ์ มุทิตา นาคเมือง "
http://www.youtube.com/watch?v=rzFwTMk9-3A
La Foresta Di Gokarnath (The Forest of Gokarnath) by Alessio Monti(Italy, 1947)
Alessio Monti(http://www.alessiomonti.com/English.html) นักกีตาร์และนักประพันธ์เพลงชาวอิตาเลี่ยน เกิดในปีคศ.1947 เริ่มเล่นดนตรีเมื่อปี คศ. 1966โดยเริ่มเล่นกีตาร์ไฟฟ้ากับวงดนตรีร๊อคในอิตาลีและยังเขียนเพลงต่อต้านสงครามด้วย หลังจากนั้นเขาได้เริ่มเรียนกีตาร์คลาสสิคและในปีคศ.1983เขาได้สำเร็จการศึกษาที่the “L Cherubini” Conservatory of Florenceที่ซึ่งเชาได้รับเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง
ดนตรีของAlessio Monti ได้รับอิทธิพลจากการที่เขาได้เดินทางท่องเที่ยวแถบเอเชียและการศึกษาเกี่ยวกับปรัชญาตะวันออกซึ่งทำสำเนียงดนตรีแถบตะวันออกเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งที่เราสามารถสัมผัสได้จากงานประพันธ์ของเขา
การแสดงสดของเขาเป็นสไตล์ที่แปลกใหม่และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและเป็นที่สนใจในนักดนตรีและนักฟังเพลงหลากหลายสไตล์ไล่ไปตั้งแต่jazz,ฝั่งตะวันตกและดนตรีพื้นบ้านฝั่งตะวันออก
นอกจากนี้เขายังได้เข้าร่วมในเทศกาลกีตาร์และมีมาสเตอร์คลาสในหลายๆที่ทั่วโลกเช่นIndia, America, Italy,Peru,Cilie และประเทศไทย
บทประพันธ์ของเขาโดยเฉพาะผลงานทางประพันธ์เพลงสำหรับเครื่องดนตรีกีตาร์ถือว่ามีการคิดค้นเทคนิคใหม่ๆให้กับกีตาร์ซึ่งเป็นที่แปลกหูและแปลกตาต่อผู้ที่ได้ฟังและตัวนักเล่นกีตาร์ที่พยายามฝึกและศึกษางานดนตรีสมัยใหม่(contemporarymusic)ด้วย
ปัจจุบันเขามีผลงานการบันทึกเสียงมากกว่า22อัลบั้มและเขาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทยและสอนกีตาร์คลาสสิคประจำอยู่ที่วิทยาลัยดุริยศิลป์มหาวิทยาลัยพายัพจังหวัดเชียงใหม่
La Foresta Di Gokarnath(The Forest of Gokarnath) เป็นบทประพันธ์ที่Monti ประพันธ์ขึ้นสำหรับกีตาร์ ซึ่ง Monti ได้รับแรงบันดาลใจจากการอ่านนวนิยายเรื่อง La Foresta Di Gokarnath ที่เขาได้มีโอกาสได้อ่านซึ่งเป็นนิยายที่มีประเทศเนปาลเป็นฉากหลัง
ถ้าหากฟังเพลงนี้เผินๆจะได้ยินเหมือนกับเสียงSitar1ผสมกับกลองและTanpura2หรือเรียกอีกอย่างว่าtambura จึงทำให้เพลงนี้ได้เสียงแปลกๆมากมายซึ่งเกิดจากเทคนิคพิเศษที่เขาได้คิดค้นขึ้นทำให้เพลงนี้เป็นเพลงที่น่าฟังและน่าพิศวงจากเสียงประหลาดที่เกิดขึ้นในบทเพลงนี้
เพลงนี้เป็นเพลงที่ไม่มีkey signature และ time signature และเส้นกั้นห้องปรากฎอยู่เลย จะมีแต่ก็ double bar line เท่านั้นที่แสดงเพื่อให้เข้าใจกันว่าจบท่อนแล้ว เพลงนี้เป็นท่อนใหญ่ๆได้คือ Intro,A,B,C,A’,D
เพลงนี้เป็นการจูนสายกีตาร์ที่ไม่ปกติ(Alternative tuning) คือจูนเป็นเสียง(สายสูงไปสายต่ำ) D-A-D-G-A-E(เรียงลำดับจากสายที่6ถึง1)ลำดับโน้ตลักษณะนี้สามารถอ้างอิงได้ว่าเป็นการจูนแบบ Modal Tuning(แยกย่อยมาจาก Alternative tuning อีกทีหนึ่ง) หมายถึง การจูนที่อยากจะได้เสียงคอร์ดๆหนึ่งแต่ก็เกิดความก่ำกึ่งระหว่าง คอร์ด Major หรือ minor เป็นคอร์ดที่มีผลต่อdroning effect(สร้างeffect คลอไประหว่างเพลง) ส่วนใหญ่การจูนสายแบบ Modal Tuning นี้จะให้เสียงคอร์ด suspended 2หรือ4 ในที่นี้D-A-D-G-A-Eได้คอร์ด Dsus4 ซึ่งจะแตกต่างจากการจูนสายกีตาร์ปกติ(Standard Tuning)ซึ่งจะจูนสายเป็น E-A-D-G-B-E
ตอนต้นของเพลงปรากฎเป็น Intro ซึ่งเป็นIntro ที่ค่อนข้างสั้น หากพิจารณาแล้วเป็นmelodyที่ดีดผ่านสายเปล่าทั้ง 6 สายของกีตาร์(D,A,D,G,A,E)เท่านั้น และมีคำศัพท์คือ confuoco ซึ่งแปลได้ว่า with great vigor and speed หรือแปลได้ว่าเล่นด้วยความรวดเร็ว นอกจากนี้ในท่อนนี้ปรากฎเทคนนิคพิเศษคือการใช้เล็บแตะลงไปบนสายกีตาร์บริเวณbridge ทำให้เกิดเสียงที่สั่นสะเทือนแปลกๆ
ท่อนAนี้สามารถแบ่งออกเป็น section ได้โดยในแต่ละ section สามารถแบ่งออกได้โดยสังเกตจากtheme หลักของแต่ละ section ที่ปรากฎในตอนต้นเพลงของแต่ละsection และยังสามารถสังเกตได้จากthemeท้ายsectionซึ่งthemeนี้ปรากฎเทคนิคพิเศษอีกอย่างหนึ่งคือ harmonics ด้วย ซึ่ง เป็นแบบ natural harmonics การตบสายกีตาร์บนบาร์กีตาร์และการดีดสายกีตาร์บนบาร์กีตาร์(ไม่ดีดตรงsound hole) และเทคนิคการใช้เล็บแตะ
ท่อนที่สอง ท่อน B
ตอนต้นเพลงมี tempo mark ที่ผู้ประพันธ์ได้เขียนไว้เป็นภาษาอิตาเลี่ยนคือ ritrieve & misterioso ซึ่งแปลเป็นภาษาอังกฤษได้ความประมาณ Hunting & Mysterious หรือถ้าแปลเป็นภาษาไทยจะได้ความอารมณ์ประมาณว่าค่อนข้างน่าพิศวงเหมือนนายพรานออกล่าสัตว์
ท่อน B นี้แบ่งเป็น 4 section ใหญ่ๆ แต่ละ section มีเทคนิคพิเศษที่เกิดขึ้นอีกอย่างหนี่ง มีการตีบนสายกีตาร์ทำให้เกิดเสียงHarmonic และตีตัวกีตาร์ไปพร้อมๆกับทำเทคนิคนี้โดยใช้สัญลักษณ์ซึ่งเป็นเหมือนตัวแสดงการจบ section นั้นๆด้วย
ในเรื่องของเทคนิคพิเศษมีอีกอย่างหนึ่งที่ปรากฎคือsectionที่1และsectionที่2ตรงการเดินmelody ผู้เล่นจะต้องตีสายบริเวณส่วนท้ายของสายกีตาร์ (bridge) โดยสังเกตได้จากเครื่องหมายtambora…………ใต้โน้ตในsection1และ2
ในส่วนของsectionที่3และ4จะเป็นการดีดสายซึ่งแตกต่างกันตรงที่sectionที่3จะดีดแบบเกี่ยวสาย
ส่วน sectionที่4 จะดีดแบบรวด (strum)
สามารถสรุปได้ว่าในด้านของ Melody ในท่อน B นี้ section ที่ 1 และ 2 melody เดินเป็นคู่ 8ไปเรื่อยๆ (parallel 8) ส่วนsection ที่ 3และ4 นั้นmelody เดินเป็นคู่8ไปเรื่อยๆ (parallel 8) เช่นกันแต่จะมีโน้ตตัวที่ 2,3หรือ5 นับจากโน้ตตัวฐานแทรกเข้ามาเป็นตัวประกอบ
ในด้านจังหวะท่อนนี้ไม่ปรากฎ Time signature เช่นเดียวกับท่อนอื่นๆแต่เมื่อเราฟังหรือเล่นไปพร้อมๆกับดูโน้ตเราสามารถตีความโน้ตเขบ็ดหนึ่งชั้น (eight notes) มีค่าเท่ากับครึ่งจังหวะคือเราสามารถคิดเป็น 1และ2และ 1และ2และได้อย่างนี้ไปเรื่อยๆน
ท่อนที่
3 ท่อน C
เพลงปรากฎ tempo mark คือ lento&religios ซึ่งหมายถึงslowly & religious หรือช้าๆและค่อนข้างไปทางศาสนา
ในด้านMelodyค่อนข้างไปทางAm key ในทาง natural minor เพราะโน้ตตัวที่7ของscale(G) ไม่ได้ติด sharp
ในด้านของจังหวะสามารถตีความโน้ตเขบ็ดหนึ่งชั้น (Eight Notes) มีค่าเท่ากับครึ่งจังหวะและตัวดำ(Haft Notes)เท่ากับ1จังหวะ คือเราสามารถคิดตัวเขบ็ดที่ปรากฎเป็นครึ่งจังหวะนับเป็น 1และ2และ 1และ2และได้อย่างนี้ไปเรื่อยๆ(คล้ายๆกับท่อนB) ซึ่งจะแตกต่างกับท่อนAที่คิดตัวเขบ็ดเป็นตัวละ1จังหวะ
ด้านเทคนิคพิเศษผู้เล่นจะต้องตีสายบริเวณส่วนท้ายของสายกีตาร์ (Bridge) โดยสังเกตได้จากเครื่องหมายอักษรtamboraใต้โน้ต ซึ่งหากนับตัวเขบ็ดที่ปรากฎเป็นครึ่งจังหวะเทคนิคนี้จะปรากฎเป็นcolor ที่แม่จังหวะของทุกๆกลุ่มโน้ตสลับกับการดีดmelody
ท่อนA’ เป็นการซ้ำAทั้งหมดหากแต่แตกต่างตรงตอนจบเท่านั้นที่ไม่มีเทคนิคที่ใช้เล็บแตะที่โคนสายกีตาร์
ท่อน
D
เปรียบเสมือนเป็น Coda ของเพลงนี้ ในเพลงนี้มี tempo mark คือ poco piu mosso e ritmico แปลเป็นภาษาอังกฤได้ว่า little quickly หรือเร็วขึ้นนิดหน่อย ก่อนเข้าsectionหลักมีเทคนิคตีข้างกีตาร์และหน้ากีตาร์ปรากฎอยู่เพื่อเป็นการเตรียมเข้า section หลัก (คล้ายๆกับท่อนBแต่ยาวกว่า) นอกจากนี้แล้วยังเป็นการเตรียมที่จะใส่ท่อนไม้ที่บาร์ที่หนึ่งของกีตาร์เพื่อสร้างSpecial Effect ในท่อนนี้ให้มีเหมือนกับ Tanpura คลอไปพร้อมกับmelody
Melody ของท่อนนี้ปรากฎชัดเจนว่าเป็นA Major Key ซึ่งประกอบด้วยโน้ต A B C# D E F# และ G#
จังหวะค่าโน้ตของท่อนนี้ค่อนข้างซับซ้อนมากกว่าท่อนอื่นๆคือมีทั้งเขบ็ด2ชั้น (Sixteenth Notes) และเขบ็ด3ชั้น ซึ่งทำให้เพลงฟังดูเร็วขึ้นด้วยจังหวะที่เร็วขึ้นด้วยแม้จะไม่มากแต่ทว่าค่าโน้ตมีจำนวนมากขึ้นด้วย
เพลงนี้ตอนจบจะให้เทคนิคการเคาะตัวกีตาร์ซึ่งเคาะจนจบจากดังไปเบา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น