วันอังคารที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

Mallorca Op.202 by Isaac Albéniz analysis




ท่อนแรก(A)อยู่ในkey D minor

บรรทัดที่ 3 คือ ท่อนที่2(B)อยู่ใน key D major
สัญลักษณ์เทคนิค pizzicato ในบรรทันสุดท้ายห้องที่ 1-3
"สงวนสิทธิ์ มุทิตา นาคเมือง"
Mallorca Op.202 by Isaac Albéniz
         Isaac Albéniz(May 29, 1860 – May 18, 1909) เป็นนักเปียโนและนักแต่งเพลงชาวเสปน เกิดที่ตำบลCamprodonจังหวัดGirona ในประเทศ spain
         Albéniz ถือว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์ตั้งแต่เด็กๆ โดยที่เขาได้แสดงต่อหน้าสาธารณะชนตั้งแต่เพียง 4 ขวบ และอายุได้เพียง 7 ขวบก็สอบผ่านการออดิชั่นเพื่อที่จะศึกษาเปียโนที่ Paris Conservatoire แต่ก็ไม่ได้ตัดสินใจที่จะศึกษาที่นั่นทันที
          จนเมื่อเขาอายุได้ประมาณ
12 ปีก็มีโอกาสได้เดินทางไปเปิดแสดงที่ New YorkและSan Francisco จากนั้นก็ได้ไปที่เมือง Liverpool และ London จนอายุได้ครบ 15ปี ถือได้ว่าเขาได้เดินทางเปิดการแสดงทั่วทั้งยุโรปและอเมริกาในปีคศ.1883 Albéniz ได้พบกับนักแต่งเพลงชื่อ Felipe Pedrell ผู้ซึ่งเป็นครูของเขาและเป็นผู้ให้แรงบันดาลใจกับAlbénizเกี่ยวกับการเขียนเพลงที่มีสำเนียงและกลิ่นไอแบบสเปน(nationalism) เช่น ผลงานT
he Suite Española, Op. 47 ซึ่งmovement ที่5ของเพลงชุดนี้มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมเป็นอย่างมากสำหรับกีตาร์คลาสสิค เพลงนั้นก็คือเพลงAsturias(Leyenda)
          สิ่งที่น่าสนใจอย่างหนึ่งสำหรับ
suiteชุดนี้ก็คือแรกทีเดียว
Albéniz แต่งขึ้นสำหรับเปียโนแต่หากเพลงนี้ต่อมาได้มีการทำtranscription จากเครื่องดนตรีเปียโนมาให้กับกีตาร์คลาสสิคโดย Francisco Tárrega ซึ่งนอกจาก suite ชุดนี้แล้ว Tárrega ก็ได้ทำtranscription ให้กับเพลงอื่นๆของ Albéniz ด้วย
           



                             Mallorca เป็นชื่อเกาะๆหนึ่งในประเทศสเปนซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ              
               เพลง Mallorca นี้มักพบเห็นในหลายๆtitle เช่น Mallorca เฉยๆหรืออาจจะเป็น Mallorca Op. 202 หรือ Mallorca (Barcarolle)
              
เพลงนี้ประวัติเพลงไม่มีประวัติเพลงเป็นที่กล่าวถึงมากเท่ากับบทเพลงชุด
T
he Suite Española, Op. 47 ของ Albéniz เอง แต่ทว่าเพลงนี้ก็มีคุณค่าในตัวของมันเอง เป็นอีกชิ้นงานหนึ่งที่น่าสนใจมีความไพเราะจากท่วงทำนองที่Albénizบรรจงประพันธ์สำหรับเครื่องดนตรีpiano และเพลงนี้ Tárrega เป็นนักกีตาร์คนแรกที่ได้นำเพลงมาเรียบเรียงใหม่ให้กีตาร์คลาสสิค
             


                เพลงนี้อยู่ในtime signature 6/8  แบ่งเป็นโครงสร้างใหญ่ๆสองท่อนคือA-B-da capo al coda(A-B-A’-coda) ท่อนที่1(A)และท่อนที่2(B)  คือท่อนแรก(A)จะอยู่ในkey D minor(ในเปียโนเป็นคีย์ f#m) และ ท่อนที่2(B)จะอยู่ใน key D major(ในเปียโนเป็นคีย์ F#major) ทำให้เกิดความแตกต่างทางอารมณ์เพลงอย่างให้ได้ชัดจากทำนองเศร้าๆในส่วนที่1(A) กลับมาสว่างสดใสในส่วนที่2(B) 
               เป็นอีกตัวอย่างของเพลงที่ใช้เทคนิค
Parallel key[กุญแจเสียงคู่ขนาน]ในการแต่ง เป็นลักษณะการแต่งที่ได้รับความนิยมในยุคโรแมนติก
ในแต่ละเพลงนั้นการจูนสายจะแตกต่างกันไปตามแต่ความต้องการของผู้ประพันธ์เพลงหรื อผู้เรียบเรียงเพลงนั้นๆ ซึ่งในเพลงนี้เป็นการจูนสายกีตาร์ที่ไม่ปกติ(Alternative tuning) คือเปลี่ยนสายที่6 จากโน้ตE เป็นโน้ต D สามารถเรียกวิธีการดรอปสายแบบนี้ได้ว่า D-Dropped tunings
                Pizzicato เป็นเทคนิคสำหรับมือขวา  เป็นชื่อเทคนิคการดีดสายไวโอลินแทนการสี
แต่เมื่อนำมาใช้กับกีตาร์แล้ว วิธีการเล่นก็คือใช้สันมือของมือขวาวางทาบกับสะพานสาย
(bridge)  แล้วใช้นิ้ว p(หัวแม่มือ) ดีดสาย เสียงที่ได้จึงมีลักษณะคล้ายกับการใช้นิ้วดีดไวโอลิน
 Slur เป็นเทคนิคสำหรับมือซ้าย เป็นเทคนิคที่เป็นการดีดครั้งเดียวแล้วได้โน้ต2เสียงหรือ  มากกว่า2เสียง  สัญลักษณ์ที่ปรากฎจะเป็นลักษณะเส้นโค้งบนหัวโน้ตหรือหางโน้ต


                     ลองฟังตัวอย่างเพลงนี้โดยนักกีตาร์คลาสสิคระดับตำนาน   Julian Bream    http://www.youtube.com/watch?v=27fgP7-pG64                                    
           




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น